ต้นมะม่วงเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่ปลูกโดยการเพาะเมล็ดและทำการดูแลได้ง่ายที่สุด ขนาดและรสชาติของผลมันจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่คุณเลือกนำมาปลูก ฉะนั้นเพื่อให้มั่นใจในการเลือกประเภทของมะม่วง ให้ใช้สายพันธุ์ที่คุณเคยชิมและอยากนำมันมาปลูกนั่นแหละ คุณจะปลูกมะม่วงให้เป็นต้นเล็กๆ ในกระถาง หรือจะปลูกบนพื้นดินเพื่อมะม่วงต้นใหญ่ก็ย่อมได้ อีกอย่างหนึ่ง คุณจะได้ลิ้มรสชุ่มฉ่ำและแปลกใหม่ของผลไม้ชนิดนี้ได้ตลอดปีเลยล่ะ!
การเพาะเมล็ด
1. หาต้นมะม่วงแม่พันธุ์ วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้เมล็ดที่สามารถนำมาปลูกในบริเวณที่คุณอยู่อาศัยได้ คือการหาต้นแม่พันธุ์มะม่วงในบริเวณใกล้เคียง ต้นมะม่วงที่อยู่ใกล้ๆ ที่ให้ผลรสชาติดี ก็ย่อมให้เมล็ดสายพันธุ์ที่เข้ากับสภาพอากาศที่คุณอยู่ด้วยเช่นกัน หากคุณอาศัยอยู่ในสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่น และมีฤดูหนาวที่อ่อนโยน ก็จะสามารถหาต้นมะม่วงที่สมบูรณ์ในบริเวณพื้นที่ที่คุณอยู่อาศัยได้
1.1 ถ้าคุณหาต้นมะม่วงแม่พันธุ์ไม่ได้ ก็ให้สั่งซื้อเมล็ดหรือไปซื้อตามร้านค้ามาแทน โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลือกสายพันธุ์ที่สามารถเติบโตในพื้นที่ที่คุณอยู่อาศัยได้ดี
1.2 คุณจะลองปลูกต้นมะม่วงที่ซื้อเมล็ดพันธุ์มาจากร้านค้าก่อนก็ได้ อย่างไรก็ตาม มันอาจยากกว่ามากในการที่จะแน่ใจได้ว่าเมล็ดพันธุ์นี้จะมีโอกาสอยู่รอดในสภาพอากาศที่คุณอยู่ได้ โดยเฉพาะถ้าร้านค้าที่คุณไปซื้อมา ได้นำเข้ามะม่วงมาจากจังหวัดหรือประเทศอื่น แต่อย่างไรการได้ลองมันก็คุ้มอยู่ดีล่ะนะ!
2. ตรวจสอบเมล็ดดูว่ามันปลูกได้หรือไม่ หั่นเนื้อมะม่วงออกเพื่อหาเปลือกนอกของเมล็ดมะม่วงที่อยู่ภายใน เมล็ดที่สมบูรณ์จะเป็นสีแทนและดูสดใหม่ หากเมล็ดมันเหี่ยวแห้งและกลายเป็นสีเทาเพราะได้รับอากาศที่หนาวเย็น ก็จะไม่สามารถใช้ปลูกได้
1.1 หั่นแก้มทั้งสองด้านออกให้ใกล้กับเมล็ดที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการจับแก้มมะม่วงไว้ด้วยฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ทำรอยบนแก้มด้านข้างทั้งสองด้าน ประมาณ 2 ซม. ในแต่ละด้าน จากนั้นหมุนแก้มมะม่วงขึ้นแล้วหั่นเนื้อเป็นทรงลูกเต๋า จากนั้นกินเนื้อมัน หรือใช้ช้อนแงะออกลงในชามก็ได้
1.2 คุณอาจต้องใส่ถุงมือขณะที่จับเมล็ดมันอยู่ก็ได้ เพราะเมล็ดมะม่วงนั้นมียางที่อาจส่งผลให้ผิวระคายเคืองได้นั่นเอง
3. เลือกวิธีในการเตรียมเมล็ดพันธุ์ คุณสามารถใช้ทั้งวิธีแบบแห้ง หรือแบบเปียก ได้ตามวิธีดังต่อไปนี้
เตรียมเมล็ดแบบแห้ง
1. ทำเมล็ดมะม่วงให้แห้งด้วยทิชชู่ วางเมล็ดไว้ในที่ที่แห้ง แดดส่องถึง และมีลมพัดผ่านประมาณ 3 อาทิตย์ หลังจากนั้นให้พยายามแกะเมล็ดออกให้ได้ด้วยมือเดียว โดยพยายามไม่ไถลจากตรงกลางของเมล็ด กล่าวคือแยกมันออกมาเป็นสองส่วน จากนั้นให้ทิ้งไว้อีกสักอาทิตย์หนึ่ง
2. ใส่ปุ๋ยและดินที่ระบายน้ำได้ดีลงในภาชนะ ขุดหลุมขนาดเล็กให้ลึกลงประมาณ 20 ซม. แล้ววางเมล็ดลงไปตรงกลาง จากนั้นให้กดเมล็ดลงไป
3. ดน้ำให้ชุ่ม และคอยรดทุกวันหรือวันเว้นวัน ขึ้นอยู่กับดินที่ใช้ หลังจากผ่านไปราว 4 ถึง 6 สัปดาห์ ต้นอ่อนมะม่วงจะเริ่มขึ้นมาสูงประมาณ 100 มิลลิเมตร ถึง 200 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมะม่วงที่คุณเพิ่งกินไป มันอาจเป็นสีม่วงเข้ม เกือบดำ หรือเป็นสีเขียวสว่างเลยก็เป็นได้
4. ปลูกต้นอ่อนให้ได้ขนาดที่จะสร้างระบบรากออกมาอย่างสมบูรณ์และสุขภาพดี จากนั้นก็พร้อมที่จะปลูกในสวนแล้วล่ะ
เตรียมเมล็ดด้วยการแช่ให้เปียก
คุณสามารถใช้วิธีนี้แทนที่จะใช้วิธีแบบแห้งก็ได้ หากต้องการ
1. บากเมล็ดมะม่วง ในการ”บาก”นั้น ให้ทำโดยการขัดถูภายนอกของเมล็ด ซึ่งจะทำให้เมล็ดมะม่วงเพาะต้นอ่อนออกมาได้ง่ายขึ้น ให้ทำรอยหั่นบนเมล็ดมะม่วงเล็กๆ อย่างระมัดระวัง หรือขัดเปลือกนอกของเมล็ดด้วยกระดาษทรายหรือฝอยขัดหม้อ โดยทำเพียงเพื่อเจาะเปลือกนอกของเมล็ดเท่านั้น
2. แช่เมล็ดมะม่วง ใส่เมล็ดมะม่วงลงไปในโหลน้ำเล็กๆ แล้วนำโหลไปวางไว้ที่อุ่นๆ อย่างชั้นวางจานหรือชั้นวางของ โดยแช่เมล็ดไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
3. นำเมล็ดออกจากโหลแล้วห่อด้วยทิชชู่ชุ่มน้ำ จากนั้นนำเมล็ดที่ถูกห่อหุ้มไปใส่ไว้ในถุงพลาสติกที่ตัดมุมออกด้านหนึ่ง คอยให้ทิชชู่มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาและรอจนกว่าเมล็ดจะงอกต้นออกมา โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 อาทิตย์ ขอให้แน่ใจว่าได้เก็บเมล็ดมะม่วงไว้ในที่อุ่นและชื้นเพื่อให้เมล็ดเพาะต้นอ่อนออกมาได้
4. เตรียมกระถางสำหรับต้นอ่อน ให้ต้นกล้าของคุณได้เริ่มเติบโตขึ้นในกระถาง โดยเลือกกระถางใบใหญ่พอที่จะใส่เมล็ดและดินปลูกกับปุ๋ยลงไปได้ คุณสามารถที่จะปลูกเมล็ดลงไปในดินเลยก็ได้ แต่การปลูกในกระถางก่อนนั้นจะช่วยควบคุมการอุณหภูมิในขณะที่อยู่ในช่วงก่อนที่จะเจริญเติบโตที่เมล็ดจะอ่อนแอเป็นพิเศษ
5. ให้แสงอาทิตย์กับต้นอ่อน วางกระถางที่ปลูกไว้ข้างนอกให้ถูกกับแสงแดดรำไร ซึ่งจะช่วยให้ต้นอ่อนคุ้นเคยกับแสงอาทิตย์ หรือให้แสงแดดจ้าๆ ไป ก่อนที่จะย้ายต้นไปยังที่ที่จะปลูกเป็นที่สุดท้ายแล้วค่อยให้รับแสงอาทิตย์อย่างเต็มที่
การปลูกต้นกล้า
1. ย้ายต้นอ่อนไปปลูกไว้ใต้แสงอาทิตย์เต็มๆ เลือกบริเวณที่แสงอาทิตย์ส่องลงมาได้พอดีเพื่อปลูกมะม่วง ขอให้เป็นที่ที่คุณต้องการปลูกให้มันโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่จริงๆ เพราะว่าต้นมันค่อนข้างใหญ่ได้เรื่องเลยล่ะ!
1.1 เมื่อจะย้ายไปปลูกยังที่สุดท้าย ให้หาบริเวณแถวสวนหลังบ้านที่มีการระบายน้ำได้ดี และขอให้นึกถึงอนาคตไว้ด้วย ต้องเป็นบริเวณที่จะไม่มีตึกรามบ้านช่อง, การประปาใต้ดิน หรือสายไฟมารบกวน
1.2 ให้ย้ายต้นกล้ารากเมื่อรากของมันเจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว ความหนาของลำต้นควรอยู่ที่ประมาณ 5 ซม. หรือ 2.5 นิ้ว
1.3 คุณสามารถปลูกต้นมะม่วงต่อไว้ในกระถางได้ถ้าหากอยากให้มันเป็นต้นเล็กๆ และจัดการได้ง่าย ซึ่งเป็นความคิดที่ดีเมื่อคุณอาศัยอยู่ในบริเวณที่อากาศหนาวเย็น คุณจะได้สามารถนำกระถางมาไว้ในบ้านเมื่ออุณหภูมิลดลงได้
2. ปลูกต้นกล้า ขุดหลุมให้ใหญ่พอเท่ากับตุ้มราก (ก้อนรากและดินที่ติดผสมกัน) ของต้นอ่อนมะม่วง โดยควรใหญ่กว่าตุ้มรากถึง 3 เท่า ใส่ดินปลูกมีคุณภาพลงไป 1 ส่วน, ทรายถมปรับหน้าดิน 1 ส่วน (ห้ามใช้ดินอิฐ), และที่เหลือก็ให้ใส่ดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุม จากนั้นให้ใส่เมล็ดลงไปในหลุมแล้วตบๆ ดินให้แน่นที่ฐานของต้นไม้ จากนั้นรดน้ำให้ทั่ว
2.1 ระวังเป็นพิเศษ อย่าทำให้ต้นกล้าเกิดความเสียหายขณะที่คุณกำลังย้ายที่ปลูกให้มัน
2.2 คอยให้ฐานของต้นมะม่วงสะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการเกิดรอยบากรูปวงแหวน (Ring barking) ที่จะขึ้นมาบนต้นอ่อนของคุณ
3. รดน้ำสม่ำเสมอและใส่ปุ๋ยเท่าที่จำเป็น. ใช้เวลาอย่างน้อย 4 ถึง 5 ปีจนกว่าต้นมะม่วงจะออกผล มันอาจช้ากว่าจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ แต่ก็คุ้มค่าที่จะรอนะ
3.1 ห้ามใส่ปุ๋ยมากเกินไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นมันจะไปหนักที่การเจริญเติบโตทางใบมากกว่าการออกผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น